Sandbox คืออะไร?
Sandbox เป็นโลกเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนผ่านเทคโนโลยีของ Ethereum Blockchain ซึ่งภายในแพลตฟอร์ม Sandbox นั้นนักออกแบบและศิลปินสามารถสร้างผลตอบแทนได้จากประสบการณ์การเล่นเกมและการซื้อ/ขาย/เช่า NFT ได้ อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมด้วยรูปแบบและสไตล์ที่คล้ายคลึงกันกับเกม Minecraft ที่เป็นเกมยอดนิยมที่พัฒนาโดย Mojang Studios นอกจากนี้ทุกคนยังสามารถเข้าสู่โลกเสมือนจริงใน Sandbox เพื่อการทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ เช่น สร้าง Avatar และแชทกับผู้ใช้งานคนอื่น ๆ เป็นต้น
LAND คือชื่อเรียกในฐานะ NFT ที่มีหน้าที่เป็นที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์เสมือนจริงของ Sandbox ซึ่งสามารถจัดการและพัฒนาโดยเจ้าของได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานบางรายสามารถพัฒนาเกมขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานรายอื่นร่วมเล่นได้ ในขณะที่ผู้ใช้งานรายอื่น ๆ อาจสร้าง Diorama หรือฉากจำลองของเหตุการณ์น่าตื่นเต้นในพื้นที่เล็ก ๆ หรือแม้แต่แกลอรี่งานศิลปะสำหรับขาย NFT ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการจัดกิจกรรมทัวร์นาเม้นท์ การเช่าที่ดินกับผู้อื่น และการขายพื้นที่โฆษณา เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว LAND ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลเครือข่ายของ Sandbox Metaverse อีกด้วย หมายความว่าผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของ LAND จะสามารถเป็นกระบอกเสียงของ Sandbox ในการมีส่วนร่วมของการควบคุมและกำหนดอนาคตของแพลตฟอร์มผ่านองค์กรอิสระแบบกระจายศูนย์ (Decentralised Autonomous Organisation: DAO)
LAND หรือที่ดินเสมือนจริงแต่ละแปลงใน Sandbox Metaverse เป็นโทเคนที่ได้รับการพัฒนาด้วยมาตรฐานโทเคน ERC-721 ซึ่งเป็นโปรโตคอลบน Ethereum Blockchain ที่ทำหน้าที่บ่งบอกว่าโทเคนนั้น ๆ จะมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ไม่สามารถทำซ้ำหรือปลอมแปลง และไม่สามารถแทนที่ด้วยโทเคนอื่น ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามโทเคน LAND หรือที่ดินเสมือนจริงบน Sandbox Metaverse มีจำนวนจำกัดเพียง 166,464 แปลงเท่านั้น ทำให้ที่ดินของแพลตฟอร์มนี้เป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ซึ่งผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของที่ดินนั้นสามารถนำไปรวมกับที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงกันเพื่อพัฒนาจาก LAND ให้เป็น ESTATE ได้ และเพื่อให้เจ้าของที่รวมกลุ่มกันสามารถพัฒนาที่ดินบนเนื้อที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม
จุดเริ่มต้นของ Sandbox
Sandbox ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดย Arthur Madrid และ Sébastien Borget โดยในปัจจุบันทั้งสองกลายเป็น CEO และ COO ของบริษัทตามลำดับ เดิมทีแล้วโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นบนแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟน ซึ่งจนถึงปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 40 ล้านครั้งทั่วโลก และหลังจากที่สร้างเกมบนสมาร์ทโฟนแล้วนั้น ในปี 2017 พวกเขาก็ได้ใช้โอกาสในการพัฒนาแพลตฟอร์มผู้เล่นหลายคนในรูปแบบ 3 มิติด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchain อย่างไรก็ตามเกมนี้สร้างขึ้นเพื่อนำเสนอโลกเสมือนจริงที่ผู้เล่นสามารถเล่น เป็นเจ้าของ สร้าง และสะสมแต้มประสบการณ์การเล่นเกมของตนเองได้ โดยภายในเกมนี้ผู้เล่นสามารถเลือกกิจกรรมที่ต้องการเก็บประสบการณ์ได้อย่างอิสระอีกด้วย ในขณะเดียวกันเป้าหมายของ Sandbox คือการนำเอา Blockchain มาสู่เกมกระแสหลัก ที่จะดึงดูดทั้งผู้ที่ชื่นชอบและไม่ชอบเกมคริปโต โดยในปี 2018 The Sandbox ถูกซื้อกิจการโดย Animoca Brands ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ในฮ่องกงไปแล้ว
หลังจากการพัฒนาเกมที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain สำเร็จแล้ว Sandbox ก็ได้สร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจภายในแพลตฟอร์ม โดยให้กรรมสิทธิ์กับ Player และ Creator ในการเป็นเจ้าของ LAND และ NFT แบบ 100% อีกด้วย นอกจากนี้ทางทีมพัฒนาก็ได้จัดให้มีการระดมทุนทางดิจิทัล (ICO) ในเดือนสิงหาคม 2020 และสามารถระดมทุนได้มากกว่า 3.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อมุ่งหวังให้เงินจำนวนนั้นเป็นทุนในการพัฒนา The Sandbox นับตั้งแต่นั้นมาแพลตฟอร์มก็ได้รับการลงทุนที่หลากหลายและร่วมมือกับพันธมิตรที่น่าเชื่อถือมากมายอีกด้วย
การเปิดตัว The Sandbox metaverse เวอร์ชันอัลฟาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2021 หลังจากที่ได้มีการพัฒนามานานถึง 4 ปีเลยทีเดียว
มีสินทรัพย์อะไรบ้างใน The Sandbox
ประเภทของสินทรัพย์ที่ผู้ใช้งานสามารถซื้อได้ใน The Sandbox ได้แก่:
ที่ดิน
LAND มีสถานะเป็นโทเคน ERC-721 ที่ทำหน้าที่เป็นที่ดินเสมือนจริงบนแพลตฟอร์ม Sandbox โดยที่ดิน 1x1 แต่ละแปลงจะมีขนาดสมมติที่ความกว้าง 96 นิ้ว ยาว 96 เมตร และสูง 128 เมตร (1 เมตรจะมีค่าเท่ากับ 32*32*32*32 Voxel) ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลประเภทนี้สามารถใช้ทำอะไรก็ได้ตามต้องการ เมื่อผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของ LAND แล้วนั้นพวกเขาสามารถระบุสถานะของที่ดินได้ว่าต้องการให้เป็น ASSET หรือ GAME ได้ นอกจากนี้แล้วเจ้าของที่ดินยังได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลของ Sandbox Metaverse ด้วยเช่นเดียวกัน
ที่ดินหรือ LAND ภายในแพลตฟอร์มมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ Regular และ Premium หากเทียบกันแล้วแน่นอนว่าที่ดินแบบ Premium จะให้สิทธิพิเศษมากมายแก่เจ้าของ ซึ่งหนึ่งในสิทธิพิเศษที่โดดเด่นคือที่ดินระดับ Premium จะรายล้อมไปด้วยศูนย์กลางทางสังคมหรือที่เรียกว่า Social Hub ที่สำคัญ หมายความว่าที่ดินเหล่านี้จะสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น การมีผู้เข้าชมมากขึ้นก็หมายความว่าผู้เล่นจะสามารถมองเห็นโฆษณาที่ถูกวางไว้บนป้ายได้มากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้แล้วที่ดินระดับ Premium ยังมาพร้อมกับ ASSET แบบจำกัดเวลาพิเศษอีกด้วย เนื่องจาก ASSET ส่วนใหญ่มีอยู่อย่างจำกัดและหาได้ยาก จึงเป็นที่ต้องการของนักออกแบบเกม ผู้เล่น และนักสะสม
อสังหาริมทรัพย์ (ESTATE)
เป็นสถานะที่ยกระดับจาก LAND 1x1 หรือที่ดินทั่วไปด้วยการรวมกลุ่มของที่ดินที่อยู่ติดกัน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถซื้อที่ดินแต่ละแห่งที่อยู่ติดกันแล้วรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็น ESTATE หรือจะซื้อเป็น ESTATE ที่เป็นแบบสำเร็จรูปมาแล้วก็ได้เช่นกันESTATE มีขนาดที่แตกต่างกัน 4 รูปแบบ ได้แก่ ขนาดเล็ก (3x3) ประกอบด้วยที่ดิน 9 แปลง, ขนาดกลาง (6x6) ประกอบด้วยที่ดิน 36 แปลง, ขนาดใหญ่ (12x12) ประกอบด้วยที่ดิน 144 แปลง และขนาดใหญ่พิเศษ (24x24) ประกอบด้วยที่ดิน 576 แปลง นอกจากนี้ผู้ใช้งานสามารถแบ่ง ESTATE ของตนเองเป็นขนาดที่เล็กกว่าหรือเป็น LAND 1x1 ส่วนบุคคลได้
สินทรัพย์ (ASSET)
ASSET เป็นสินทรัพย์ที่มีรูปแบบเป็น Voxel โดยทุก ๆ Voxel จะมีสถานะเป็น Entities ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ด้านเนื้อหาแก่ผู้ใช้งาน เช่น เกมที่พัฒนาขึ้นบน LAND เป็นต้น นอกจากนี้ ESTATE ยังสามารถรวบรวม ซื้อขาย และสร้างผลตอบแทนได้อีกด้วย โดยบรรดา ESTATE เมื่อถูกอัปโหลดไปยังตลาดของ Sandbox แล้วก็จะถูกดัดแปลงเป็น NFT ตามเงื่อนไขของ Smart Contract ERC-1155 ซึ่งมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้:
- Entities เป็น NFT ที่จะทำให้ประสบการณ์ภายในแพลตฟอร์มของ Sandbox มีชีวิตเสมือนจริง โดยจะสามารถสร้างโลกหรือเกมด้วยตัวละครที่เรียกว่า NPC เช่น คน และสัตว์ เป็นต้น
- เครื่องแต่งกาย (Wearable) เป็นไอเทมที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของผู้ใช้งานในรูปแบบ Avatar ซึ่งผู้ใช้สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์เครื่องแต่งกายได้ เพื่อให้ Avatar ของตนเองมีบุคลิกเฉพาะตัวและมีสไตล์มากขึ้น โดยเครื่องแต่งกายที่สามารถสวมใส่ได้ ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ
- อุปกรณ์ (Equipment) มีสถานะเป็น NFT ที่ผู้ใช้งานสามารถนำมาใช้งานเพื่อช่วยให้บรรลุภารกิจของเกมได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงโล่ หมวก ดาบ ถุงมือ และอื่น ๆ อีกมากมาย
- ศิลปะ (Art) เป็น NFT ที่ทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบการในตกแต่งภาพ เพื่อสร้างเกมและประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงรูปปั้น กรอบรูป แลนด์มาร์ค เสียง และอื่น ๆ อีกมากมาย
- Blocks มีหน้าที่เป็นตัวแทนของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในโลกแห่งความจริง เช่น ทราย โคลน และน้ำ ซึ่งในโลกเสมือนจริงของ Sandbox จะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถนำเอาบล็อกต่าง ๆ มาปรับใช้กับที่ดินของตนเองได้เพื่อความสวยงามและเสมือนจริง รวมถึงสามารถสร้างบล็อกที่ไม่เหมือนใครได้อีกด้วย เช่น ลาวาที่ส่องประกายได้ หรือน้ำสีชมพู เป็นต้น
GEM & CATALYST
GEM มีสถานะเป็น Utility Token ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยโปรโตคอล ERC-20 ซึ่งมีหน้าที่กำหนดคุณลักษณะของ ASSET โดยหลักของมันก็คือ ASSET ที่มีการใช้งาน 1 GEM จะได้รับ 25 คะแนนคุณลักษณะ ซึ่งหากใช้งาน CATALYST ร่วมด้วยจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใส่ GEM ได้มากสุดถือ 4 GEM ซึ่งจะสามารถสร้างคะแนนคุณลักษณะได้มากถึง 100 คะแนน โดยมีการแบ่งประเภท GEM ออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ Power Gem, Speed Gem, Defense Gem, Magic Gem และ Luck Gem
CATALYST ก็มีสถานะเป็น Utility Token ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยโปรโตคอล ERC-20 ด้วยเช่นเดียวกัน และจะถูกทำลายหากมีการใช้งานเช่นเดียวกับ GEM ซึ่งมันสามารถกำหนดค่าความยากและระดับที่ ASSET จะได้รับ โดยจะมีการแบ่งเป็น 4 ระดับที่แตกต่างการ ได้แก่ Common, Rare, Epic และ Legendary หากมีระดับที่สูงเท่าใดขึ้นก็จะทำให้ ASSET มีความแข็งแกร่งและหายากมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
เหรียญโทเคนที่ใช้ใน Sandbox
Sandbox มีโทเคน 3 โทเคนที่ใช้งานภายในแพลตฟอร์ม และมีหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ SAND, LAND และ ASSET เป็นต้น
- SAND Token หรือ $Sand เป็นโทเคนที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยโปรโตคอล ERC-20 ที่อยู่บน Ethereum Blockchain ซึ่งมีหน้าที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลประจำเครือข่ายและเป็น Utility Token หลักของระบบนิเวศของ Sandbox หมายความว่า $Sand จะถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมใด ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นเกม เช่น การซื้อที่ดิน (LAND) จากตลาดของแพลตฟอร์ม และการมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้นเอง เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ใช้งานจะต้องใช้ $Sand เพื่อเข้าร่วมในการกำกับดูแล Metaverse ซึ่งเป็นการที่แพลตฟอร์มจะให้สิทธิ์กับผู้ที่เป็นเจ้าของ $Sand ในการใช้โหวตหัวข้อต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาแพลตฟอร์มนั่นเอง
- LAND Token เป็นตัวแทนของที่ดินดิจิทัลที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างประสบการณ์ทางดิจิทัลได้ เช่น เกม หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เป็นต้น โดยโทเคน LAND ทุกรายการถูกพัฒนาขึ้นด้วยโปรโตคอล ERC-721 ที่ไม่สามารถทำซ้ำหรือปลอมแปลงได้
- ASSET Token เป็น NFT ที่มีหน้าที่เป็นไอเกมในเกม เช่น เครื่องมือ และเครื่องแต่งกาย เป็นต้น โดยผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนไอเทมต่าง ๆ ได้ในตลาดกลางของ Sandbox
3 เหตุผลหลักที่คุณควรลงทุนใน Sandbox
- แพลตฟอร์มแรกที่ประสบความสำเร็จในการใช้ Blockchain กับอุตสาหกรรมเกม- ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีความพยายามหลายครั้งในการใช้ Blockchain มาปรับใช้ร่วมกับการเล่นเกม อย่างไรก็ตาม Sandbox อาจเป็นเจ้าแรกที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมเกม และถือเป็นตลาดระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้การลงทุนกับ Sandbox เป็นตัวเลือกที่ดี
- Sandbox ถูกควบคุมโดยผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์- เนื่องจากโทเคน SAND เป็นสินทรัพย์ในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม ที่ซึ่งผู้ใช้งานในระบบนิเวศของ Sandbox จะมีอำนาจในการลงคะแนนเสียงหรือโหวตเพื่อทำการตัดสินใจที่สำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม ดังนั้น Sandbox จึงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวและพัฒนาได้เร็วกว่าระบบนิเวศของการเล่นเกมแบบรวมศูนย์
- พันธมิตรที่น่าเชื่อถือ - Sandbox มีพันธมิตรมากกว่า 60 รายที่ร่วมพัฒนาเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงการร่วมมือกันกับแบรนด์ชื่อดังต่าง ๆ มากมาย เช่น Shaun the Sheep and Smurfs, บริษัทเกม เช่น ATATRI, นักลงทุน เช่น Square Enix, สตูดิโอเกม dApp เช่น Dapper Labs หรือแม้แต่คนดังอย่าง Snoop Dogg เป็นต้น